/image%2F3364814%2F20190509%2Fob_960a21_10.gif)
รีวิวการสอบชิงทุนรัฐบาล UiS
การได้รับทุนเพื่อศึกษาต่อยังต่างประเทศนั้นอาจเป็นความฝันของใครหลายๆ คน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมถึงตัวผมด้วย และมหาวิทยาลัยต่างๆ ในปัจจุบันนี้ก็ได้มอบทุนการศึกษาเพื่อสนับสนุนนักศึกษาชาวต่างชาติให้เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยของตนเองมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม บางมหาวิทยาลัยสามารถสนับสนุนค่าใช้จ่ายได้เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น แต่ก็ยังมีทุนการศึกษาอีกบางประเภทที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด หนึ่งในนั้นก็คือ “ทุนรัฐบาลเพื่อดึงดูดผู้ที่มีศักยภาพสูงที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษา” หรือ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “Undergraduate Intelligence Scholarship Program หรือ (UiS)” เพียวขอเรียกสั้นๆ ว่า ทุน UiS คือ ผู้รับทุนจะได้ฝึกงานกับส่วนราชการต้นสังกัดเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์การทำงาน แล้วหลังจากเรียนจบก็จะกลับมาทำงานกับหน่วยราชการต้นสังกัดที่เราเลือกไว้ตอนสมัคร ทุนนี้เนี่ย เป็นทุนฟรี ดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าเรียน ค่าอุปกรณ์เครื่องเขียน รวมทั้งค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ทุนดีขนาดนี้ ใครจะไม่สนใจ แต่ ผมพึ่งไปสอบทุน UiS มา ปรากฏว่า มีคนสมัครเพียงแค่ 500 เท่านั้นครับ แถมในห้องที่เราสอบ ยังมากันไม่ครบอีก ก็งงว่าทำไมคนสนใจน้อยจัง หรือไม่รู้จัก
— เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.75 สำหรับสายวิทย์ และไม่ต่ำกว่า 3.00 สำหรับสายศิลป์ — ต้องเหลือปีการศึกษาอีก 1 ปีการศึกษา หรือ พูดง่ายๆ คือ ถ้าเรียนหลักสูตร 4 ปี ต้องเรียนอยู่ปี 3 ถ้าเรียนหลักสูตร 5 ปี ต้องเรียนอยู่ปี 4 หรือถ้าเรียนหลักสูตร 6 ปี ต้องเรียนอยู่ปี 5 เพราะเขาจะสนับสนุนค่าเทอมและค่าใช้จ่ายปีสุดท้ายขณะที่เรากำลังศึกษาอยู่อีกด้วย
— อายุไม่เกิน 25 ปี
— ผู้ที่ได้รับคัดเลือก จะต้องปฏิบัติงานในหน่วยราชการเป็นระยะเวลา 2 เท่า ของระยะเวลาที่ได้รับทุน เช่น เรียน 3 ปี ก็ต้องทำงาน 6 ปี
ขั้นตอนการสมัครสอบนี้ง่ายมากๆ เลยครับ เพียงแค่เข้าไปในเว็บไซต์ http://uis.ocsc.go.th/ กดสมัครสอบ กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน แล้วก็ปริ้นใบไปจ่ายตังค์ครับ ซึ่งค่าสมัครก็ถูกเหลือเกิน เพียงแค่ หน่วยทุนละ 100 บาท เพราะตอนสมัคร เราจะเลือกหน่วยทุนหรือหน่วยราชการที่เราจะไปทำงานได้สองหน่วยงาน
*เริ่มรับสมัครเดือน ต้นเดือน ธันวาคม / สอบเดือน กุมภาพันธ์ / ประกาศผลเดือน เมษายน
เรื่องต่อมาคือเอกสารที่ต้องใช้ครับ ทุน UiS ใช้เอกสารสำคัญ 4 อย่าง คือ
1. ใบสมัครสอบ + ติดรูป (ใบนี้เราสามารถปริ้นจากในเว็บได้เลย หลังจากสมัครสอบออนไลน์แล้ว)
2. ใบ Transcript หรือ ใบเกรด นั่นเองครับ
3. หนังสือรับรองจากสถานศึกษา โดยใช้แบบฟอร์ม ก.พ. 5
4. หนังสือรับรองความประพฤติจากอาจารย์ที่ปรึกษา
5. เอกสารสำคัญอื่นๆ เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ หรือ ผลสอบทางภาษาอังกฤษ (ผมแนบผล TOEIC ไป)
* ใช้แบบฟอร์มจากทาง ก.พ.
** ไม่สามารถใช้แบบฟอร์มจากทางมหาวิทยาลัยได้
*** แบบฟอร์มสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์
พอออกจากห้องสอบ ผมก็รู้เลย ทำไมคนไม่มาสอบกัน ก็เพราะข้อสอบนั้น มันยากมหาโหดเลยครับ โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ แต่ก่อนที่เราจะรู้ว่ามันยากยังไง เราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าการสอบชิงทุน UiS นั้น มีข้อสอบสองพาร์ท คือ
- ข้อสอบวัดความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ 100 ข้อ
สอบภาคเช้า เวลา 9.00–11.00 น. - ข้อสอบวัดความสามารถทั่วไป (คณิตฯ + ภาษาไทย)
สอบภาคบ่าย เวลา 13.00–15.00 น.
สถานที่สอบ: มหาวิทยาลัยสวนดุสิต (มันอยู่ติดกันเลยนะครับกับราชภัฏสวนดุสิต)
เริ่มกันเลย วิชาภาษาอังกฤษ
พาร์ทแรก คือ Vocabulary ถ้าจำไม่ผิดมีประมาณ 20 หรือ 30 ข้อนี้แหละ ลืมแล้ว! เขาให้เราเลือกคำศัพท์ที่มีความหมายสอดคล้องกับตัวที่เขาทำตัวหนาไว้มาเติม ไม่ต้องคิดมาก คำศัพท์ยากมาก ยากแบบเอาคำศัพท์มาจากนอกโลกมาออก เกิดมาไม่เคยเจอ ส่วน choices ที่มีมาให้เดาก็ยากเหลือเกิน แนะนำให้เตรียมอ่านแต่คำศัพท์ที่ยาวๆ แต่ให้ความหมายธรรมดาๆ เช่น คำว่า adulterate / contaminate ให้ความหมายเดียวกันกับ คำว่า pollute ที่แปลว่า ทำให้ปนเปื้อน, ทำให้เกิดมลพิษ
พาร์ทสอง คือ Cloze Test น่าจะมี 10 ข้อ แนวข้อสอบคือ มีประโยคมาให้ครับ แล้วเว้นช่องว่าง ไว้ แล้วให้เลือกคำที่เหมาะสมมาตอบ ตัวเลือกนี่ เดายากครับ ต้องรู้ความหมาย เพราะ part of speech ของคำนั้นชนิดเดียวกันเลย ตัดตัวเลือกยาก
พาร์ทสาม คือ Error Recognition 10 ข้อ มั้ง! นะ วัดความสามารถทางไวยากรณ์เราล้วนๆ ทุกเรื่องเลย อันนี้ไม่ยากมาก สามารถเตรียมตัวมาได้ เช่นเดียวกับพาร์ทสอง
พาร์ทสุดท้าย คือ Reading Comprehension มี 40 ข้อ ขอบอกว่าเป็นพาร์ทที่ง่ายรองลงมาจาก Error Recognition แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เนื้อหาส่วนมากคือการอ่านจับใจความและหาใจความสำคัญ ความยากของมันคือ เนื้อหา Passage เยอะมาก เยอะแบบหลายคนทำไม่ได้
ส่วนอีกพาร์ทคือ วิชาความสามารถทั่วไป
คณิตศาสตร์ เขาว่ากันว่ายาก ผมเลยอยากบอกว่า มันยากเหี้ยๆ ยากวัวตายควายล้ม อันที่จริงข้อสอบเป็นเนื้อหาที่เรียนกันตอน ม.ปลาย แต่เลขที่อยู่ในข้อสอบนั้นยากเกินกว่าเด็กที่เรียนมหาวิทยาลัยสายศิลป์อย่างผมจะทำได้ ดังนั้น ถ้าคนเก่ง คิดไว แนะนำให้ฝึกทำโจทย์ยากๆ มาเลยครับ ข้อสอบท้องถิ่น หรือข้อสอบก.พ. จะง่ายไปเลย ปีนี้มี 25 ข้อนะครับ รวมตรรกศาสตร์ ถือว่าน้อยมาก เพราะผมอ่านรีวิวมา เขาบอก 50 ข้อ สงสัยคนทำไม่ได้เยอะ เลยเปลี่ยนสัดส่วน
ภาษาไทย อันนี้ก็ออกทั่วไปครับ มีในส่วนของความหมายของคำ ความสัมพันธ์ แล้วก็อ่านจับใจความ เหตุและผล ถ้าใครเก่งหรือแม่นอยู่แล้ว ก็ไม่น่าห่วงครับ สามารถทำคะแนนได้แน่ๆ เพราะปีนี้ เขามีตั้ง 75 ข้อ (สงสัยอยากให้ค่า Mean เด้ง)
* หนังสือที่ใช้อ่านสอบ แนะนำหนังสือสอบ ก.พ. ระดับ 4 เลยครับ
*ทั้งวิชาภาษาอังกฤษและความสามารถทั่วไปเชิงวิชาการ ต้องผ่านค่า Mean ของผู้สมัครทั้งหมด ไม่ง่ายเลยใช่ไหม แต่ไม่ต้องกลัวครับ ผมออกจากห้องมา ได้ยินหลายคนบ่นเลย ว่า “ทำไม่ได้” แล้วเขาก็จะเอาคะแนนเรียงจากมากไปน้อยครับ เลือกคนที่ได้คะแนนสูงสุด และเลือกตัวสำรองไม่เกิน 5 คน แต่ถ้าหน่วยทุนนั้นรับสองคน ก็จะเรียกตัวสำรองไม่เกิน 3 เท่าของจำนวนที่รับสมัครครับ
**ปราการด่านที่สองคือ รอบสัมภาษณ์ ครับ อันนี้ไม่รู้ ยังไม่ประกาศผล ไว้ติดแล้วจะมารีวิว 555
* ข้อสอบปี 61 แต่ละปีจำนวนสัดส่วนของแต่ละพาร์ทไม่เท่ากัน
** ควรบริหารจัดการเวลาในการทำให้ดี เพราะหลายคนทำไม่ทันในส่วนของ reading แต่ผมขอแนะนำว่าควรจะทำพาร์ทนี้ก่อน เพราะพาร์ทคำศัพท์นั้น ก็ยากและต้องเดาเกือบทุกข้ออยู่แล้ว*ทั้งวิชาภาษาอังกฤษและความสามารถทั่วไปเชิงวิชาการ ต้องผ่านค่า Mean ของผู้สมัครทั้งหมด ไม่ง่ายเลยใช่ไหมครับ แต่ไม่ต้องกลัวครับ ผมออกจากห้องมา ได้ยินหลายคนบ่นเลย ว่า “ทำไม่ได้” แล้วเขาก็จะเอาคะแนนเรียงจากมากไปน้อยครับ เลือกคนที่ได้คะแนนสูงสุด และตัวสำรองไม่เกิน 5 คน แต่ถ้าหน่วยทุนนั้นรับสองคน ก็จะเรียกตัวสำรองไม่เกิน 3 เท่าของจำนวนที่รับสมัครครับ
**ปราการด่านที่สองคือ รอบสัมภาษณ์ ครับ อันนี้ไม่รู้ ยังไม่ประกาศผล ไว้ติดแล้วจะมารีวิว 555
* ข้อสอบปี 61 แต่ละปีจำนวนสัดส่วนของแต่ละพาร์ทไม่เท่ากัน
** ควรบริหารจัดการเวลาในการทำให้ดู เพราะหลายคนทำไม่ทันในส่วนของ reading แต่ผมขอแนะนำว่าควรจะทำพาร์ทนี้ก่อน เพราะพาร์ทคำศัพท์นั้น ก็ยากและต้องเดาเกือบทุกข้ออยู่แล้ว
- ก็อยากให้น้องๆ รุ่นต่อไปได้มาสอบกันเยอะๆ นะครับ สำหรับคนที่มีความฝันอยากได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ทุนนี้ครอบคลุมทุกอย่างเลย ถึงแม้จะต้องกลับมาทำงานให้รัฐฯ แต่เราก็ได้เงินเดือนนะครับ คุ้มสุดคุ้ม และเหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงสังคมโดยการ “ลงมือทำ”
- อยากให้เตรียมตัวกันมาดีๆ นะครับ เตรียมตัวให้พร้อม เพราะการวางแผนในการทำข้อสอบมาก่อน ช่วยตอนทำข้อสอบจริงได้มากเลยครับ
/https%3A%2F%2Fgame-tool.rocks%2Fimg%2Fh3.png)
